วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ต่อภาษีปีแรกก็โดนซะแล้ว

 บทความจาก: http://www.weekendhobby.com/offroad/kia/Question.asp?ID=16496

ผมใช้รถ KIA มาได้เกือบปีแล้ว ตอนต่อภาษีครั้งแรกที่ได้รถมา รถยังอยู่สภาพเดิมๆ ไม่ติดแก็ส ไม่ยกสูง ก็ต่อภาษีได้เรียบร้อย

ปกติเคยเอารถอื่นๆ ไปต่อ ก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ผมใช้บริการตรวจสภาพแถวๆ ด้านหลังกรมขนส่งสะดวกดี พร้อมซื้อพ.ร.บ ไปด้วย ตรวจสภาพเสร็จ ก็เข้า Drive Through ไม่เกิน 1 ชม. ก็เสร็จทุกขั้นตอน

พอครบเวลาต่อภาษีรถ KIA เมื่อสองวันก่อน ผมก็ขับรถไปที่กรมการขนส่งแล้วขับทะลุไปด้านหลังกรมเพื่อจะไปตรวจสภาพ พอขับเข้าไปในร้านตรวจสภาพ เด็กรับรถบอกว่า รถพี่เป็นรถยกสูง ดัดแปลงกันชนหน้า (ไอ้โน่น ไอ้นี่ บลาๆๆๆ) ตรวจสภาพไม่ได้ ต้องให้วิศวกรเซ็นต์รับรองก่อน ผมก็งงละซิมีอย่างนี้ด้วยหรือ (เพิ่งใช้รถยกสูงดัดแปลงเป็นปีแรก)

ก็บอกเด็กไปว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะติดต่ออู่ที่ดัดแปลงให้ทำเรื่องวิศวกรให้ ว่าจะกลับแล้ว เด็กคนเดิมก็บอกว่า พี่ๆ มีอีกร้านทำได้ (ก่อนหน้านั้นผมเห็นเขายกโทรศัพท์คุยกับใครสักคน) แล้วเขาก็มาบอกว่าพี่ขับรถไปหาคนโน้นเลย

ตอนนั้นคิดว่าไหนๆ มาแล้วไม่อยากเสียเวลาขับกลับไปแล้วกลับมาใหม่ ก็เลยลองดู
เป็นร้านแบบมีโต๊ะตั้ง แถวนั้นมีโต๊ะรับทำเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์หลายร้านเลย
พอขับเข้าไป เด็กรับรถก็หาที่จอดให้ และเข้ามาบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ไม่นาน ตอนนั้นรีบๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่มีการตรวจสภาพรถใดๆ เลย ฝากระโปรงรถเราย้งไม่ต้องเปิดดูเลย
เห็นเขาเขียนค่าใช้จ่ายให้ดู

ภาษี 1460
พรบ 650
ตรวจสภาพ 400
ค่าบริการ 200

รวม 2710

เห็นว่าค่าบริการเพิ่ม 200 บาท ก็จ่ายไป ถามเขาว่านานไหม เขาก็บอกว่า ครึ่งชั่วโมง
แล้วก็เห็นเขาไปลอกเลขตัวถัง แลัวจัดแจงให้คนขับมอเตอร์ไซด์เอาเอกสารไป

ระหว่างที่รอก็มานั่งคิดได้ว่า ค่าตรวจสภาพเขาคิด 400 ซึ่งปกติน่าจะ 150 หรือ 200 บาท นี่แหละ ไอ้เด็กขับมอเตอร์ไซต์ก็คงเอาเอกสารเราไปเข้า Drive Through นั่นแหละ

แสดงว่าเราต้องจ่ายเพิ่มอีก 400 บาท

แล้วไอ้เรื่องที่วิศวกรต้องเซ็นต์รับรองหล่ะ ไม่เห็นมีเลย

อ้าว โดนเข้าแล้ว

ถ้าผมใจเย็นๆ อีกสักนิด แล้วลองขับไปร้านตรวจสภาพที่อยู่ติดๆ กัน หรือร้านอื่นๆ ซึ่งมีร้านตรวจสภาพอีกหลายๆ ร้าน ก็อาจจะไม่ต้องเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็นก็ได้

OK ผมต่อภาษีได้ ใช้เวลาก็ไม่เกิน 30 นาทีจริง แต่ถ้าผมได้ใบตรวจสภาพและพรบ. มา ขับเข้า Drive Throug ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมาย เช่นกัน แล้วทำไมต้องจ่ายเพิ่มอีก 400 บาท

คำถามของผมคือ

1) จริงๆ แล้ว รถยกสูงสัก 3 -4 นิ้ว ถือว่าดัดแปลงสภาพและต้องเซ้นต์รับรองโดยวิศวกร และต้องระบุลงในเล่มทะเบียนหรือไม่

2) อู่ตรวจสภาพ ทั่วๆ ไป จะออกใบตรวจสภาพให้หรือไม่ ถ้าเป็นรถดัดแปลงอย่างที่ว่า (เพราะผมไม่เห็นร้านรับต่อภาษีที่เค้าตั้งโต๊ะทำอะไรเกี่ยวกับการเซ็นต์ รับรองโดยวิศวกรเลย ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าจำเป็นต้องทำก่อนจึงจะต่อภาษีได้)


ผมมานั่งคิดหลังจากนั้นแล้ว ไอ้เด็กรับรถที่อู่ตรวจสภาพ อาจจะเป็นหน้าม้าของร้านต่อภาษีแบบตั้งโต๊ะก็ได้ ลูกค้าที่ไม่รู้บางคนก็อาจจะถูกหลอกให้ไปหาร้านที่ตัวเองเป็นหน้ามาให้ คิดว่าประมาณนั่นแหล่ะครับ ท่านอื่นๆ คิดว่าอย่างไร ให้ความรู้ผมด้วยครับ


ตอบคำถาม เคสของพี่หนุ่มKia เป็นการดัดแปลงสภาพรถครับ ต.ร.อ. ไม่กล้าตรวจแน่นอนถึงออกใบตรวจได้เข้าขนส่งก็คงโดนไล่ให้ไปแก้ไขรถก่อนอยู่ ดีครับ ดีไม่ดี ต.ร.อ. ที่ตรวจอาจจะซวยไปด้วย
วิธีที่เขาทำกันก็คือแบบที่ทำมาครับ เรียกบ้านๆว่าตรวจนอก แต่เขาต้องนำเล่มไปวิ่งเองครับ รถยกสูงส่วนใหญ่ก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น ถ้าต้องการถูกต้องตามกฏข้อบังคับมันก็มีขั้นตอนอยู่ครับ
1. ให้วิศวกรที่มีระดับ ก.ว. สามัญขึ้นไปและอยู่ในสายเครื่องกลเป็นผู้รับรองการดัดแปลงสภาพ แต่รายละเอียดไม่ได้มีแค่แจ้งยกสูงครับ ถ้ามีอุปกรณ์เสริมอะไรก็ต้องแจกแจงลงไปในรายละเอียดให้ครบถ้วน แม้นกระทั้งขนาดยางที่ใช้
2. นำใบรับรองจากวิศวกรไปแจ้งดัดแปลงสภาพที่ขนส่ง ขนส่งจะตรวจรถตามรายการที่วิศวกรระบุครับ หลังจากนั้นจะลงท้ายเล่มหน้า 18 พร้อมรายละเอียดของวิศวกรผู้รับรอง
....รถพวกนี้ถ้ายกมาแล้วเวลาซื้อขายก็ลำบากครับ ของผมซื้อแบบแต่งมาทั้งคันแล้วเวลาโอนก็โอนนอกเหมือนกันครับ อีกคันกระบะยาง 33 ผมเคยจะแจ้งดัดแปลงสภาพ แต่กระบะมันบังคับว่าถ้ารถจดทะเบียนป้ายเขียวสำหรับบรรทุก 1 ตัน น้ำหนักรถเปล่าต้องไม่เกิน 1.6 ตัน แล้วรถกระบะออฟโรดคันไหนล่ะครับจะหนักแค่นั้น ส่วน Sportage จดทะเบียนรถนั้ง แจ้งดัดแปลงสภาพง่ายกว่าเยอะเพราะไม่มีพิกัดน้ำหนักรถครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น